ทำความเข้าใจกับ ยาต้านไวรัส ART
ในการต่อสู้กับเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี อย่างการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) ถือเป็นความก้าวหน้าที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิต และอายุขัยเฉลี่ยของผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีอย่างมีนัยสำคัญ ในการจัดการเชื้อเอชไอวี และหากได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีได้เร็วขึ้น จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว และลดโอกาสในการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นลดลงได้มากขึ้น ซึ่งทําให้ความหวังในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีแน้วโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ยาต้านไวรัส ART
ยาต้านไวรัส ART (Antiretroviral Therapy หรือ ART) คือ การรักษาเอชไอวี ด้วยยาต้านไวรัสหลายชนิดรวมกัน เพื่อควบคุมเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายไม่ให้เพิ่มจำนวน และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อฉวยโอกาส และการลุกลามของโรคด้วย แม้เชื้อเอชไอวีจะไม่หมดไปจากร่างกาย แต่ก็ถูกควบคุมจนมีจำนวนน้อยมากจนไม่สามารถทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้มีเชื้อเอชไอวีที่รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ART สามารถมีสุขภาพดี และมีชีวิตที่ยืนยาวได้เหมือนคนทั่วไป ดังนี้
- ลดปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่างกายให้ต่ำที่สุด (< 50 copies/mL) และให้นานที่สุด
- เพิ่มระดับ CD4 ให้อยู่ในระดับปกติมากที่สุด เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ
เมื่อไร? จึงจะเริ่มกินยาต้านไวรัส ART
ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ควรเริ่มกินยาต้านไวรัสเอชไอวีโดยเร็วที่สุด หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวีทันที (การติดเชื้อเอชไอวีในระยะเริ่มแรก คือ ระยะต้องไม่เกิน 6 เดือนหลังการติดเชื้อเอชไอวี) และสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี และยังไม่เคยได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวีควรเริ่มกินยาต้านไวรัสเอชไอวีโดยเร็วที่สุด เช่นกัน
ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส
ในอดีตยาต้านไวรัสเอชไอวีมีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้ยาต้านไวรัสในปัจจุบันมีผลข้างเคียงน้อยลง ส่วนใหญ่มักเกิดเมื่อเริ่มยาต้านในระยะแรก และจะค่อยๆดีขึ้น หรือลดลงจนหายไปเอง โดยมีผลข้างเคียงดังนี้:
- ท้องเสีย
- อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียน
- เมื่อยล้า อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ ปวดหรือชาตามส่วนต่างๆ
- ผื่นคัน
- นอนหลับยาก
- ปากแห้ง
- น้ำหนักมากขึ้น, น้ำหนักเพิ่มขึ้น, อ้วนขึ้น
- ภาวะโลหิตจาง
- การเปลี่ยนแปลงอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า
- คอเลสเตอรอลสูง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น อาจนำไปสู่โรคหัวใจได้
หากกินยาต้านแล้วมีอาการข้างเคียง หรือแพ้ยาต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาปรับสูตรยา ห้ามเปลี่ยนยาหรือหยุดยาเอง
การรักษาต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์แนะนำ
- ต้องกินยาให้ครบ ถูกต้องตาม ที่แพทย์กำหนด
- กินยาตรงเวลา ทุกมื้อ และทุกวัน
- กินยาให้ถูกต้องครบตามจำนวน
- ควรกินยาทุกชนิดอย่างสม่ำเสมอ ห้ามลืมกินยา หรือหยุดยาระยะหนึ่งแล้วมากินต่อ ก็อาจทำให้เกิดเชื้อดื้อยา การรักษาจะยิ่งยากมากขึ้น
- อย่าเปลี่ยนยาด้วยตนเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ถ้าพบว่าปฏิบัติตามแผนการรักษาได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อค้นหาแนวทางการรักษาใหม่ที่เหมาะสม
- หากจะใช้ยาอื่นนอกเหนือที่แพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
ค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ART
เป็นการรักษาแบบต่อเนื่องที่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต จึงต้องคำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวร่วมด้วย ดังนี้
- โรงพยาบาล หรือคลินิกเอกชน ประมาณ 4,000 – 5,000 ต่อเดือน
- ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาตไทย ประมาณ 900 – 1,200 ต่อเดือน
- บริการตามสิทธิ (สปสช. ประกันสังคม ข้าราชการ) ไม่มีค่าใช้จ่าย
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
ยาต้านไวรัส ART ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาเอชไอวี เพื่อช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีสุขภาพดี และป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี ซึ่งการกินยาตามแพทย์สั่งทุกวันอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงของการดื้อยา และทำให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้ผลดีทั้งต่อสุขภาพทั้งร่างกาย และจิตใจ รวมถึงสามารถดำเนินชีวิตไปอย่างคนปกติอีกด้วย