ตรวจร่างกายก่อนไปทำงานต่างประเทศ ต้องตรวจอะไรบ้าง
การตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศ ซึ่งสิ่งนี้เป็นข้อกำหนดที่ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศทุกคน ในเกือบทุกประเทศทั่วโลกไม่อาจเลี่ยงได้ และสำหรับผู้ที่กำลังจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ไม่ว่าท่านจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศไหน การตรวจร่างกายก่อนออกเดินทางถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ เป็นการยืนยันว่ามีสุขภาพโดยรวมที่ดี และไม่เป็นโรคต้องห้ามสำหรับบางประเทศ และบางลักษณะงาน และยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคที่อาจเกิดระหว่างทำงานในต่างแดนได้
ความสำคัญของการตรวจสุขภาพก่อนไปทำงานต่างประเทศ
การไปทำงาน หรือเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำหรับหลายๆ คน เนื่องจากมีค่าตอบแทนที่น่าพอใจ และอัตราการจ้างงานสูง เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญในการเดินทางไปต่างประเทศก็คือ เรื่องสุขภาพ เมื่อไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็อาจจะทำให้การเดินทาง และการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นๆ มีความยากลำบากมากยิ่งขึ้นข้อสำคัญที่สุดคือ ควรที่จะต้องศึกษาก่อนว่า ประเทศที่สนใจจะเดินทางไปมีโรคต้องห้ามใดๆอยู่หรือไม่ เพื่อที่จะได้ตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้ตรงกับโรคที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของประเทศนั้นๆ เพราะการเดินทางไปยังต่างประเทศหรือต่างถิ่นที่อยู่ไกลๆ อาจมีโอกาสที่จะต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ ที่ไม่คาดคิดได้
ซึ่งการไปทำงานต่างประเทศนั้น ๆ โดยวิธีการที่ไปนั้นไม่ว่าจะไปกับบริษัทจัดหางานจัดส่งไป, กรมการจัดหางานจัดส่งไป, ติดต่อหางานได้ด้วยตัวเอง เป็นต้น
ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบที่สำคัญประการ หนึ่ง นั่นคือ การตรวจสุขภาพ หรือตรวจโรคก่อนไปทำงานยัง ประเทศนั้นๆ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สำหรับวัตถุประสงค์ของการตรวจสุขภาพก่อนไปทำงานต่างประเทศมีดังนี้
- เป็นการตรวจความพร้อมด้านสุขภาพก่อนที่เราจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศนั้น โดยการตรวจสุขภาพจะทำให้ทราบว่าตัวเราเอง มีสุขภาพแข็งแรงหรือไม่ และสามารถช่วยประเมินความเสี่ยงทางด้านภาวะสุขภาพของเราได้ เช่น ทำให้ทราบว่าเรามีสุขภาพแข็งแรงพร้อมสำหรับการทำงานหรือไม่ เพราะหากสุขภาพไม่พร้อมย่อมจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ซึ่งหากเกิดการล้มป่วยหรือบาดเจ็บย่อมเป็นอุปสรรคต่อการทำงานอย่างแน่นอน และที่สำคัญนายจ้างก็คงไม่อยากต้องมานั่งรับผิดชอบดูแลหากเราเกิดการเจ็บป่วยระหว่างที่ทำงาน เป็นต้น หากมีอุปสรรคด้านสุขภาพ จะได้คิดวางแผนการชีวิตที่เหมาะสมต่อไป
- สำหรับบางประเทศการมีโรคประจำตัวจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน โดยเฉพาะหากงานที่ต้องทำนั้นเป็นงานที่ค่อนข้างใช้แรงงาน การมีโรคประจำตัวอาจจะส่งผลให้อาการกำเริบรุนแรง เมื่อใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ดังนั้นหากตรวจพบว่าบุคคลนั้นมีโรคประจำตัวอาจจะส่งผลต่อการไปทำงานได้ สำหรับโรคต้องห้ามของการตรวจสุขภาพไปต่างประเทศส่วนใหญ่ จะประกอบไปด้วยโรควัณโรค โรคปอด ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และโรคเอดส์ หรืออาจจะเป็นโรคต้องห้ามอื่น ๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเงื่อนไขของแต่ละประเทศ หากไม่เป็นโรคต้องห้ามใด ๆ ที่กำหนดไว้ ก็มีสิทธิ์เข้าไปทำงานในประเทศ นั้น ๆ ได้
ต้องตรวจอะไรบ้างก่อนไปทำงานต่างประเทศ
- ขั้นตอนการตรวจจะคล้ายกับการตรวจร่างกายทั่วไป คือ ชั่งน้ำหนัก, วัดความดัน, วัดส่วนสูง, วัดสายตา ตรวจเลือด, ตรวจปัสสาวะ, ตรวจอุจจาระ, เอ็กซเรย์ปอด และคัดกรองโรคต่างๆ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- โรคส่วนมากที่ต่างประเทศเน้นย้ำให้ตรวจก่อนเดินทางไปทำงาน คือโรคติดต่อที่อาจแพร่กระจายได้ เช่น โรคเรื้อน, เท้าช้าง, พยาธิ, โรคปอด, วัณโรคปอด (ในระยะแพร่กระจาย), โรคซิฟิลิส และ HIV/AIDS
การฉีดวัคซีน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกช่วยป้องกันโรคต้องห้ามในแต่ละประเทศ
ในการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศ คืออีกวิธีที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ ตัวอย่างเช่น ประเทศไต้หวัน จำเป็นต้องฉีดวัคซีน หัด หัดเยอรมัน คางทูม (MMR) และให้ยาถ่ายพยาธิ
นอกจากนี้ยังมีวัคซีนอีกหลายชนิดที่จำเป็นต้องฉีดหากต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ โดยพิจารณาจากประเทศที่ไป, กิจกรรมหรือลักษณะงานที่ทำและระยะเวลาอยู่อาศัย ซึ่งแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่ม คือ
- วัคซีนที่จำเป็นต้องได้รับก่อนการเดินทาง (Required vaccine) เป็นไปตามกฏอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR) โดยในปัจจุบันมีเพียงชนิดเดียวคือ วัคซีนไข้เหลือง ซึ่งผู้ที่จะต้องเดินทางไปยังประเทศในแถบแอฟริกาและอเมริกาใต้ จำเป็นต้องได้รับวัคซีนนี้ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วัน
- วัคซีนที่แนะนำให้ใช้ในผู้เดินทางตามความเหมาะสม (Recommended vaccine for travelers) โดยแพทย์จะพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ความเสี่ยงในการติดเชื้อในประเทศหรือสถานที่ที่จะไป, ระยะเวลาที่จะไป, กิจกรรมหรือลักษณะงานที่จะไปทำ ตลอดจนต้องพิจารณาถึงตัวผู้เดินทางและตัวโรคด้วย
เอกสารที่ต้องนำมาเมื่อมาตรวจสุขภาพไปต่างประเทศ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ
- สำเนาหนังสือเดินทาง 1 ใบ
- รูปถ่ายสี หรือขาวดำ 1 นิ้วครึ่ง หรือ 2 นิ้ว 2 ใบ (หากต้องการใบรับรองแพทย์มากกว่า 1 ชุด กรุณาเตรียมรูปมาเพิ่ม 1 ใบ/ชุด)
- เขียนข้อมูลเหล่านี้ลงใน สำเนาบัตรประชาชน ให้ชัดเจน
- ประเทศที่จะไปทำงาน
- เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้
- ชื่อบริษัทที่รับทำงาน
ราคาค่าตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ
โปรแกรมตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ จะมีราคาตั้ง แต่ 500 – 1500 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดโปรแกรมตรวจสุขภาพของแต่ละประเทศ
ยกตัวอย่างเช่น
ประเทศ | รายการละเอียดการตรวจ | ราคา |
ยุโรป | 1. CBC (ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด) | 850 |
2. UA (ตรวจปัสสาวะทั่วไป) | ||
3. STOOL (ตรวจอุจจาระ) | ||
4. VDRL (ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส) | ||
5. HIV (ตรวจโรคเอดส์) | ||
6. .CXR (เอกซเรย์ปอด) | ||
7. ตรวจร่างกายโดยแพทย์ | ||
สหรัฐอเมริกา | 1.CBC (ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด) | 560 |
2.UA (ตรวจปัสสาวะทั่วไป) | ||
3.STOOL (ตรวจอุจจาระ) | ||
4.VDRL (ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส) | ||
5.CXR (เอกซเรย์ปอด) | ||
6.ตรวจร่างกายโดยแพทย์ | ||
เกาหลี | 1.CBC (ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด) | 1500 |
2.Blood group , RH (หมู่เลือด) | ||
3.MALARIA (ตรวจหาเชื้อมาลาเลีย) | ||
4.UA (ตรวจปัสสาวะทั่วไป) | ||
5.STOOL (ตรวจอุจจาระ) | ||
6.HBsAg (ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี) | ||
7.VDRL,TPHA (ตรวจหาเชื้อซิฟิลิส) | ||
8.CXR (เอกซเรย์ปอด) | ||
9.CHO (ตรวจไขมันโคเลสเตอรอลในเลือด) | ||
10.SGOT,SGPT,GGT (ตรวจการทำงานของตับ) | ||
11.FBS (ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด) | ||
12.ตรวจการได้ยิน | ||
13.วัดสายตา ตรวจตาบอดสี | ||
14.Pregnancy Test ตรวจปัสสาวะหาการตั้งครรภ์ (ผู้หญิง) | ||
15.ตรวจร่างกายโดยแพทย์ |